top of page

EDUCATION

เครื่องอัลตร้าซาวน์ (Ultrasound) 
คือ เครื่องที่ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงเข้าสู่ในชั้นเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของโมเลกุลภายในเนื้อเยื่อ และเกิดเป็นพลังงานความร้อนลึก โดยคลื่นสามารถลงลึกได้ประมาณ 3-5 เซนติเมตรจากชั้นผิวหนัง โดยคลื่นอัลตร้าซาวน์สามารถช่วยเร่งกระบวนการซ่อมสร้างเนื่อเยื่อที่บาดเจ็บ เพิ่มการไหลเวียนสารเหลว จึงมีผลในการลดปวด ลดสารอักเสบที่สะสมอยู่ภายในกล้ามเนื้อได้ทั้งในระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง 

  • ในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกอุ่นเล็กน้อย และบางบริเวณอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย ในขณะที่บริเวณที่มีการบาดเจ็บ อาจจะรู้สึกปวดหน่วงๆ ตื้อๆ แต่อยู่ในระดับความปวดที่ผู้ป่วยสามารถทนได้

การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (Electrical Stimulation, Electrotherapy)

เป็นรูปแบบการรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยเครื่องมือซึ่งมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมานานกว่า 40 ปี โดยนักกายภาพบำบัดอาจใช้การกระตุ้นไฟฟ้าร่วมในโปรแกรมการรักษาการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นสาเหตุของความปวด หรือการจำกัดการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามรูปแบบกระแสไฟสำหรับการรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้ามีหลายรูปแบบเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่าง  

กระแสไฟ TENs (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation)

คือ รูปแบบกระแสไฟพื้นฐานสำหรับลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อ ใช้ได้ดีสำหรับการจัดการกับอาการปวดทั้งในระยะเฉียบพลัน  (24-48 ชั่วโมงแรก) และอาการปวดระยะเรื้อรัง (เกินกว่า 3 เดือน) โดยความเข้มข้นของกระแสไฟจะถูกปรับเพื่อระงับสัญญาณความปวดที่รายงาน จากร่างกายไปสู่สมอง  ช่วยลดการใช้ยาระงับปวดในรายที่มีอาการปวดเรื้อรัง และเริ่มใช้ยาลดปวดไม่ได้ผล โดยนักกายภาพบำบัดจะใช้ TENs ลดอาการปวดด้วยการติดแผ่นแปะขั้วไฟฟ้าบนผิวหนังของผู้ถูกรักษาในตำแหน่งที้มีอาการปวด 

กระแสไฟ EMS (Electrical Muscle Stimulation)

กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ EMS มีความโดดเด่นในคุณลักษณะ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีการหดตัว คลายตัวเป็นจังหวะ เสมือนขณะกล้ามเนื้อกำลังถูกใช้้งานจริง EMS จึงถูกใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ รักษามวลกล้ามเนื้อ และชะลอกล้ามเนื้อฝ่อลีบ ระหว่างรอระบบประสาทฟื้นตัว โดยเฉพาะในรายที่มีการบาดเจ็บของระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง อัมพาตครึ่งซีก อุบัติเหตุทำให้เส้นประสาทฉีกขาด เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง  EMS จึงมีผลป้องกันภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน  นอกจากนี้ EMS ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการกระชับกล้ามเนื้อ ในรายที่ต้องการปรับสัดส่วนให้รูปร่างมีความสวยงามอีกด้วย  

กระแสไฟ EMS มีความเข้มข้นของกระแสไฟอยู่ในช่วง 1-130 MHz ซึ่งเป็นกระแสไฟในช่วงความถี่ที่ออกแบบมาใช้กระตุ้นเนื่อเยื่อที่มีเส้นประสาทเลี้ยง เพื่อบรรเทาอาการปวดในภาวะกล้ามเนื้ออักเสบทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง  โดยมีผลลดบวม และลดการยึดรึ้งของข้อต่อที่มีผลมาจากกล้ามเนื้อและแผลผ่าตัดได้  และช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ, ลดภาวะข้อต่อยึดติด, เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการเคลื่อนตัวของเนื้อเยื่อ , อีกทั้งกระแสไฟ EMS  ยังมีผลเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ทำการกระตุ้นอีกด้วย

 

วิธีการตั้งค่าอุปกรณ์

สำหรับกระแสไฟแบบ TENs / EMS

กายภาพบำบัด Ultrasound อัลตร้าซาวด์ พกพา IF TENs PT EMS ES Electrical Stimulation กระตุ้นไฟฟ้า ลดอาการปวด ประหยัด คุ้มค่า ราคาถูก รับประกัน กล้ามเนื้ออักเสบ เจล อัลตร้าซาวด์ Electrode ขั้วไฟฟ้า กายภาพบำบัดที่บ้าน ปวดหลัง เข่าเสื่อม ออฟฟิสซินโดรม หมอนรองกระดูก ข้อเท้าแพลง นิ้วล็อค ปวดคอ เปิดท่อน้ำนม ไมเกรน ปวดหัว ชามือ

กระแสไฟ Interferential Current (IF/IFC)

เป็นรูปแบบกระแสไฟที่นักกายภาพบำบัดมักเลือกใช้สำหรับเป้าหมายการรักษาที่อยู่ในโครงสร้างระดับลึก เช่น เข่าเสื่อม เอ็นไขว้เข่าฉีกขาด ข้อไหล่ติด กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก้นหรือสะโพก เพื่อลดอาการปวดในระดับลึก โดยเฉพาะในรายที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว กล้ามเนื้อแข็งเป็นก้อนลำ (Muscle Spasm) และเพิ่มการไหลเวียนเลือดของกล้ามเนื้อ โดยรูปแบบการวางขั้วกระตุ้นไฟฟ้าจะเป็นรูปแบบการไขว้กากบาท เพื่อให้มีจุดตัดกันระหว่างกระแสไฟภายในเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นกระแสไฟฟ้าความถี่ปานกลาง 2 กระแส จึงได้เป็นกระแสไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำ ที่มีผลต่อเนื้อเยื่อเส้นประสาทที่เป็นเป้าหมายเหมือนกับกระแสไฟฟ้าความถี่ต่ำ แต่มีอำนาจทะลุทะลวงมากกว่าเพราะมีแรงต้านทานที่ผิวหนังน้อยกว่า จึงได้กระแสไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์ที่เหมาะสม แต่มีความรู้สึกไม่สบายที่ผิวหนังน้อยกว่ากระแสแบบอื่น

ประโยชน์หลักๆ ทางด้านคลินิกของ IF คือ
1. Pain relief คือ ช่วยลดความเจ็บปวด
2. Muscle stimulation คือ กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ
3. Increased local blood flow คือ เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
4. Reduction of oedema คือ ช่วยการลดบวมของเนื้อเยื่อ

กระแสไฟ Russian Stimulation

มีต้นกำเนิดจากประเทศรัสเซีย ตั้งแต่ คศ. 1989 โดย Ward and Shkuratova russain stim คือรูปแบบกระแสไฟสลับ ระดับความถี่ปานกลาง (low kHz range - thousands of cycles a second) ด้วยลักษณะคลื่นแบบ pulse (burst หรือ interrupted) ซึ่งมีความถี่ต่ำ จึงมีผลต่อการตอบสนองของเส้นประสาท ก่อให้เกิดการสั่งงานของระบบประสาทยนต์ และการหดตัวของใยกล้ามเนื้อตามการจังหวะคลื่นของกระแสไฟ จากงานวิจัยรายงานว่า รูปแบบกระแสไฟแบบ russian มีผลเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ (torque, strength) โดยมีผลทั้ง muscle fiber type I และ II อีกทั้งยังมีผล short term CNS adaptation และเพิ่ม muscle tissue volume

กระแสไฟ  Micro Current

คือ รูปแบบกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ใช้สำหรับฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการผ่าตัด และเร่งการซ่อมสร้างแผลและบริเวณผ่าตัด ทำให้แผลผ่าตัดติดเร็วขึ้น และบริเวณผ่าตัดมีความยืดหยุ่นตัว จึงเคลื่อนไหวส่วนที่ได้รับการผ่าตัดได้เร็วมากขึ้น อีกทั้งยังใช้ในรายที่มีอาการอักเสบใหม่ หรืออักเสบรุนแรง ระดับความปวดไวต่อการสัมผัส เป็นต้น

bottom of page